skip to content

อยู่กับมะเร็งเต้านม: เรื่องราว 14 ปีของไอรีล ไตรสารศรี

ในโอกาสเดือนแห่งการตระหนักรู้เรื่องมะเร็งเต้านม เรื่องราวของไอรีล (ออย) ไตรสารศรี ผู้ก่อตั้ง ART for CANCER ได้สะท้อนถึงพลังใจ ความมุ่งมั่น และความหวังที่เกิดขึ้นจากการเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต ภายใต้ธีม “Voices for HER” เรื่องราวของเธอสอนให้เราเห็นถึงความเมตตาและการต้านทานต่อชีวิตที่สามารถสร้างผลกระทบสำคัญต่อผู้อื่นได้

เมื่อ 14 ปีก่อน ไอรีลได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่ 2 ขณะที่มีอายุเพียง 27 ปี และก่อนที่เธอจะเดินทางไปเรียนต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษเพียงสัปดาห์เดียว การวินิจฉัยครั้งนั้นดึงชีวิตของเธอให้หยุดชะงัก "มันเหมือนอนาคตของฉันถูกพรากไปในชั่วพริบตา" เธอเล่าย้อนถึงวันนั้น สำหรับคนที่มีสุขภาพดีมาตลอดและเต็มไปด้วยแผนการในชีวิต การได้รับข่าวนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกินรับไหว

หลังจากผ่านพ้นความตกใจ ไอรีลเลือกที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมาย เธอเผชิญหน้ากับการรักษาด้วยการผ่าตัด เคมีบำบัด และรังสีบำบัด โดยมุ่งมั่นที่จะใช้เวลาในทุกวันให้คุ้มค่า ความมุ่งมั่นและพลังใจของเธอมาจากความรักของครอบครัว และมุมมองใหม่ที่เธอค้นพบได้นำพาเธอสร้างโอกาสในการช่วยเหลือผู้อื่น

การกำเนิดของ ART for CANCER

ระหว่างการรักษา ไอรีลได้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมในทรัพยากรและการสนับสนุนสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เธอรู้สึกขอบคุณในสิ่งที่เธอมี ทั้งครอบครัวที่อยู่เคียงข้างและความสามารถในการเข้าถึงการรักษา แต่สิ่งนี้ทำให้เธอตระหนักถึงความยากลำบากของผู้ป่วยที่ยังขาดทุนทรัพย์การรักษาอยู่

แรงบันดาลใจจากสิ่งนี้ทำให้เธอก่อตั้ง ART for CANCER ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางในการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งที่ขาดแคลน รวมถึงการให้การสนับสนุนทั้งด้านจิตใจและอารมณ์ ตลอดระยะเวลาหลายปี ART for CANCER ได้เติบโตขึ้นเป็นแพลตฟอร์มสำคัญสำหรับการรณรงค์ สร้างความตระหนักรู้ และให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยและครอบครัว

ความจริงของมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม

วันนี้ หลังจากต่อสู้กับมะเร็งมานานกว่า 14 ปี ไอรีลยังคงเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ เมื่อมะเร็งได้ลุกลามไปยังตับ ปอด กระดูก และสมอง ซึ่งถือเป็นมะเร็งเต้านมระยะลุกลาม แม้เผชิญกับความยากลำบากนี้ ไอรีลยังคงเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความหมายและมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เธอสามารถควบคุมได้

เธอสะท้อนให้เห็นถึงการเตรียมตัวเพื่อเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอนของชีวิตว่า"ทุกวันฉันถามตัวเองว่า ถ้าวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของฉัน ฉันอยากใช้มันทำอะไร? มีอะไรที่ยังค้างคาอยู่ไหม? ฉันได้ขอบคุณหรือยอมรับสิ่งที่มีอยู่ในวันนี้รึยัง?" มุมมองนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความกลัวความตาย แต่เป็นการยอมรับและการใช้ชีวิตในทุกวันอย่างเต็มที่

ใช้ชีวิตในทุกวันให้มีความหมาย

สำหรับไอรีล ความสุขคือสิ่งที่ได้มาจากสิ่งเล็กๆ ในชีวิต เช่น การรับประทานอาหารแสนอร่อย การใช้เวลาร่วมกับครอบครัว หรือการเล่นกับสุนัขตัวโปรด แต่สิ่งที่เติมเต็มชีวิตเธอมากที่สุดคือการได้ช่วยเหลือผู้อื่น 

"ไม่มีอะไรที่มีความหมายมากไปกว่าการที่ฉันได้เห็นว่าประสบการณ์ของฉันทำให้คนอื่นมีความหวัง" เธอกล่าว การได้แบ่งปันกำลังใจให้ผู้ป่วยคนอื่นคือแรงผลักดันที่เติมพลังให้กับเธอในทุกวัน

การสนับสนุนให้ตรวจคัดกรองตั้งแต่เนิ่นๆ

จากประสบการณ์ส่วนตัว  ไอรีลเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมอย่างสม่ำเสมอ “หลายคนกลัวผลตรวจ แต่การตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกคือโอกาสที่ดีที่สุดในการฟื้นฟู" เธอกล่าว

เธอมองว่าการตรวจคัดกรองไม่ใช่สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงด้วยความกลัว แต่เป็นโอกาสที่ให้เราได้ดูแลตัวเองและเผชิญกับปัญหาในระยะต้น เพื่อรักษาชีวิตและสร้างความสบายใจให้กับตัวเองและคนที่เรารัก

การสร้างมรดกแห่งความหวัง

แม้เธอจะอยู่ในช่วงที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต แต่ไอรีลยังคงมุ่งมั่นที่จะทำให้ ART for CANCER เป็นองค์กรที่ยั่งยืน และสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งได้อย่างต่อเนื่อง

เรื่องราวของเธอแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งที่ยิ่งใหญ่และเป้าหมายที่ไม่สั่นคลอน ในเดือนแห่งการตระหนักรู้เรื่องมะเร็งเต้านมนี้ ไอรีลได้เตือนพวกเราทุกคนว่า แม้ชีวิตจะนำมาซึ่งความท้าทายที่หนักหน่วง แต่วิธีการตอบสนองของเรา ความกล้าหาญ และความตั้งใจที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่กำหนดคุณค่าของเรา

ผ่านทางการรณรงค์และการนำ ART for CANCER ไอรีลได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลก เธอเป็นสัญลักษณ์ของความหวังที่บอกว่า แม้ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด ความเมตตาและความเข้มแข็งสามารถสร้างแสงสว่างให้กับคนรอบข้างได้เสมอ

M-TH-00001992